กระเพาะปัสสาวะอักเสบ

กระเพาะปัสสาวะอักเสบ

เป็นการอักเสบของกระเพาะปัสสาวะทั้งที่ไม่มีการติดเชื้อและมีการติดเชื้อ เชื้อที่พบมากคือเชื้อแบคทีเรีย ซึ่งอาจเกิดจากการปนเปื้อนของอุจจาระหรือเชื้อในช่องคลอด โรคนี้มักเกิดในผู้หญิง ซึ่งเชื่อว่าเป็นเพราะท่อปัสสาวะของผู้หญิงสั้นกว่าของผู้ชายและพบมากในผู้ป่วยที่มีโรคเรื้อรัง เช่น เบาหวาน โรคไต โรคนิ่ว หรือมีการบาดเจ็บในทางเดินปัสสาวะ

 

สาเหตุ

การเกิดกระเพาะปัสสาวะอักเสบ ส่งผลให้กล้ามเนื้อกระเพาะปัสสาวะขาดความยืดหยุ่นและความตึงตัว ทำให้มีการคั่งค้างของปัสสาวะ ถ่ายปัสสาวะบ่อยชนิดกลั้นปัสสาวะไม่อยู่

การคั่งค้างของกระเพาะปัสสาวะทำให้เชื้อโรคเจริญเติบโตได้ดีเพราะน้ำปัสสาวะมีค่าเป็นด่าง

 

อาการ

  • ถ่ายปัสสาวะโดยเฉพาะเวลากลางคืน
  • ถ่ายปัสสาวะลำบาก แสบ ขัด กระปริดกระปรอย
  • ปัสสาวะมีลักษณะขุ่น ปัสสาวะอาจมีเลือดปน
  • ตรวจปัสสาวะพบเม็ดเลือดขาวจำนวนมาก
  • ถ้านำปัสสาวะไปเพาะเชื้อ จะพบเชื้อโรค

 

การรักษา

โดยการรับประทานยาปฏิชีวนะ (ยาแก้อักเสบ) อย่างต่อเนื่อง และครบถ้วนเพื่อมิให้เชื้อดื้อยา

 

ข้อแนะนำ เพื่อป้องกันการเกิดหรือกลับเป็นซ้ำ

  1. การทำความสะอาดภายหลังปัสสาวะ อุจจาระแล้วให้เช็ดจากด้านหน้าไปด้านหลัง ไม่เช็ดย้อนไปมา
  2. ดูแลอวัยวะสืบพันธ์ไม่ให้อับชื้น สวมชั้นในที่ทำด้วยผ้าฝ้าย เพราะไนลอนจะทำให้เกิดความอับชื้นง่าย
  3. อย่ากลั้นปัสสาวะ ควรถ่ายปัสสาวะทันทีที่มีอาการปวดถ่ายปัสสาวะ
  4. ภายหลังมีเพศสัมพันธ์ ควรถ่ายปัสสาวะทันทีเพื่อขับเชื้อโรคที่คั่งค้างขณะมีเพศสัมพันธ์ออกมา
  5. ควรอาบน้ำด้วยฝักบัวหรือตักอาบ ดีกว่าอาบน้ำด้วยการแช่ตัวในอ่างอาบน้ำ
  6. ดื่มน้ำให้ได้อย่างน้อยวันละ 3,000 ซีซี
  7. ดื่มน้ำผลไม้ที่มีกรด เช่น น้ำส้ม น้ำมะนาว เพื่อลดความเป็นด่างของกระเพาะปัสสาวะ
  8. ถ้ามีอาการถ่ายปัสสาวะลำบาก หรือปัสสาวะขุ่นมีเลือดให้มาพบแพทย์เพื่อตรวจปัสสาวะและรับการรักษา

 

► กรวยไตและไตอักเสบ

มักจะเป็นผลเนื่องจากการรุกลามของเชื้อจากกระเพาะปัสสาวะอักเสบ ทำให้เป็นไข้สูง หนาวสั่น อ่อนเพลีย ปวดบริเวณสีข้าง ปัสสาวะบ่อย ๆ ปัสสาวะขัด ต้องรักษาด้วยยาปฏิชีวนะเช่นกัน หากรักษาไม่หายขาดหรือเป็น ๆ หาย ๆ จะทำให้กรวยไตและไตอักเสบเรื้อรังจนถึงขั้นไตวาย

 


ศูนย์รักษาเฉพาะทาง